การติดตั้งพุก
สำหรับคอนกรีตที่แตกร้าวบริเวณรับแรงดึง
ในทางกลับกัน การทดสอบใน [6] ในคอนกรีตที่แตกบริเวณรับแรงดึงโดยใช้ Hilti HIT-RE 500-SD ตามขั้นตอนที่อธิบายไว้ข้างต้น แสดงให้เห็นว่าค่านั้นลดลงเพียง 25% เทียบกับค่าที่ได้จากคอนกรีตบริเวณรับแรงอัด ทั้งนี้ เนื่องจากพุกเคมีมีประสิทธิภาพการแทรกซึมสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัดและมีความแข็งแรงสูง เมื่อเทียบกับระบบตามที่แสดงในรูปที่ 9 ให้สังเกตว่า ค่าที่ลดลงนั้นใกล้เคียงกับลักษณะของพุกปลายตัดและพุกขยาย การลดลงของความสามารถในการรับแรงดึงที่รอยแตกร้าวของพุกเคมีในกรณีของการทดสอบจนถึงความเสียหายจากการที่พุกถูกดึงหลุดออก สามารถอธิบายได้ดังนี้ เนื่องจากพุกเคมีมีความต้านทานแรงดึงสูง การขยายตัวของรอยแตกร้าวหลังจากติดตั้งพุกจึงส่งผลให้รอยแตกร้าวโดยรอบพุกมีการเปลี่ยนทิศทางไปตามรอยต่อระหว่างพุกเคมีกับคอนกรีต ดังนั้น จึงส่งผลให้สูญเสียแรงยึดติดที่ด้านหนึ่งของพุก
ถ้าแนวของการแตกร้าวตามที่แสดงในรูปที่ 10 เกิดขึ้นตลอดความลึกของการฝัง ความแข็งแรงของการยึดติดในทางทฤษฎีจะอยู่ที่ 50% ของความแข็งแรงของการยึดติดในคอนกรีตบริเวณรับแรงอัด การวิเคราะห์ใน [6] แสดงให้เห็นว่า ข้อสันนิษฐานนี้ไม่เป็นจริงเสมอไป
การใช้ Hilti HIT-RE 500-SD แสดงให้เห็นว่า การสูญเสียประสิทธิภาพการยึดติดนั้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับพุกเคมีชนิดอื่น (~25% ที่ด้านหนึ่ง) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่พุกเคมีส่งผลต่อแนวการแตกร้าว เมื่อเทียบกับแนวการแตกร้าวตามที่แสดงในรูปที่ 10 เนื่องจากคุณสมบัติการแทรกซึมเข้าในรูพรุนของคอนกรีต